ไปชิลง่าย ๆ กับสถานที่แถบชานเมืองกรุงเทพฯ พบกับบรรยากาศของตลาดเก่าและคาเฟ่ ที่เป็นสถานที่ฮีลใจ พร้อมไปกันแบบ One day trip ที่ชุมชนตลาดเก่าหัวตะเข้

วันนี้เราจะพาไปเที่ยวคาเฟ่ลับที่ไม่ลับในแถบชานเมืองกรุงเทพฯ โดยที่คาเฟ่นี้จะอยู่ที่ตลาดเก่าหัวตะเข้ซึ่งตลาดเก่าหัวตะเข้นั้น เดิมมีชื่อว่า “ตลาดเก่าเรือนไม้ หลวงพรต-ท่านเลี่ยม” ตั้งตามชื่อของผู้บริจาคที่ดินผืนนี้ให้สร้างตลาดริมคลองประเวศบุรีรมย์ ส่วนที่มาของชื่อ “ชุมชนหัวตะเข้” นั้นมาจากการที่เมื่อก่อนบริเวณนี้จระเข้ชุกชุม จึงได้นำมาเป็นชื่อเรียกจนถึงทุกวันนี้  ย้อนกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ตลาดเก่าหัวตะเข้เคยเป็นศูนย์กลางของชานเมืองกรุงเทพฯ เพราะเคยเป็นจุดตัดของคลองทั้ง 3 สาย ได้แก่ คลองจระเข้ คลองลำปลาทิว และ คลองประเวศ ทำให้มีผู้คนพายเรือมาค้าขายและแลกเปลี่ยนผลผลิตและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรกันอย่างคึกคัก แต่เมื่อความเจริญของถนนหนทางเข้ามาก็เริ่มทำให้ตลาดแห่งนี้เริ่มซบเซาลง และขาดการดูแลไปหลายสิบปี จนกระทั่งในปัจจุบันทางชุมชนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญจึงกลับมาอนุรักษณ์และพัฒนาชุมชนตลาดเก่าหัวตะเข้ให้กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ทำให้ที่ตลาดเก่าหัวตะเข้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแถบชานเมืองของกรุงเทพมหานคร ที่มีเสน่ห์มาก ๆ แห่งหนึ่ง การเดินทางมาตลาดเก่าหัวตะเข้มีความสะดวกและง่ายจะนั่งรถไฟหรือรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์มาลงสถานีลาดกระบังแล้วต่อรถสองแถวสีแดงหัวตะเข้ เข้ามาตามถนนเส้นลาดกระบังลงที่ซอยลาดกระบัง 17 ซึ่งอยู่ใต้สะพาน แล้วเดินตรงเข้ามาเรื่อย ๆ ก็จะเห็นสะพานปูนสีขาวที่เป็นจุดเริ่มต้นว่าถึงตลาดเก่าหัวตะเข้ จากนั้นเดินเข้ามาภายในตลาดเก่าหัวตะเข้ จะมีร้านค้า ร้านโชห่วย ร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านของที่ระลึกอีกมากมาย ครั้งนี้เราจะมาแนะนำร้านคาเฟ่ราคาเป็นมิตร อาหารอร่อย เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินของตลาด โดยการเดินทางไปทางร้านนั้นจะต้องเดินไปจนเกือบสุดทางก็จะเจอร้านคาเฟ่ที่ ดูย้อนยุค คลาสสิก เอาไว้นั่งพักผ่อน นั่งชิวฮีลใจไปกับคาเฟ่ร้าน ณ ลาดกระบัง (NalatKrabang homemade café) ที่ทางร้านเปิดให้บริการมายาวนานกว่า 7 ปีมีลูกค้ามากหน้าหลายตา จากทุกสารทิศ เรียกได้ว่าเป็นค่าเฟ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งหนึ่งของลาดกระบังเลยก็ว่าได้ โดยร้าน ณ ลาดกระบังจะมีพื้นที่อยู่สองฝั่ง โดยที่แต่ละฝั่งนั้นจะตกแต่งในรูปแบบสไตล์ออกแนวคล้าย ๆ กันคือเต็มไปด้วยโต๊ะเก้าอี้ที่ทำมาจากไม้โดยฝั่งด้านในที่ติดกับเคาน์เตอร์ที่ทำเครื่องดื่มและอาหารจะมีโต๊ะไม้ใหญ่ ๆ และมีบอร์ดเกมให้ลูกค้าที่มาใช้บริการได้เล่นมากมายส่วนทางด้านอีกฝั่งจะแบ่งออกเป็นสองชั้น โดยชั้นบนจะมีโต๊ะจำนวน 1 ตัวและมีมุมหน้าต่างที่หันหน้าออกไปทางคลองที่เป็นมุมถ่ายรูปที่สวยงาม ทางด้านล่างก็จะมีโต๊ะจำนวนหลายตัวที่พร้อมรองรับลูกค้าและมุมที่พลาดไม่ได้อีกมุมก็คือตรงมุมในสุดที่ติดกับคลองจะมีที่นั่งแบบห้อยขาสามารถรับประทานอาหาร และเครื่องดื่ม ชมวิวริมน้ำได้อย่างสบายใจชิว ๆ วันนี้จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับพี่เจ้าของร้านใจดี ที่หน้าตาก็ยังดีอีกด้วย “พี่แจ็ค” เจ้าของคนปัจจุบันซึ่งพี่แจ็คสืบกิจการต่อมาเป็นรุ่นที่สอง สานต่อจากรุ่นแรกได้ 2 ปีแล้ว ซึ่งช่วงก่อนที่พี่แจ็คจะมาสานต่อธุรกิจนี้ พี่แจ็คได้ทำงานเกี่ยวกับการโรงแรมอยู่ 2 ปี โดยขณะที่พี่แจ็คได้เข้ามารับช่วงต่อนั้นเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ทำให้พี่แจ็คจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์และทำให้ธุรกิจดำเนินผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปให้ได้ โดยพี่แจ็คได้นำเมนูเครื่องดื่มอาหารจากที่ได้เคยทำที่งานโรงแรมเอามาประยุกต์ปรับเปลี่ยน โดยที่อันไหนที่ดีอยู่แล้วก็ได้คงไว้อันไหนที่เราคิดว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์กับคนที่มาใช้บริการที่ร้านก็ปรับเปลี่ยนประยุกต์ให้เข้ากับสไตล์ของร้าน โดยที่ได้มีการนำปรับเข้าเพิ่มขึ้นมาในร้านก็คืออาหารที่สามารถแชร์กันแบ่งกันได้และมีราคาที่เข้าถึงง่ายสบายกระเป๋า เพราะว่าลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านส่วนมากจะเป็นเด็กวัยรุ่น วัยเรียน นักเรียน นักศึกษา ซึ่งทางร้านได้มีการขายเมนูที่หลากหลายทั้งเครื่องดื่ม อาหาร ขนมปัง พิซซ่า ของทานเล่น เป็นต้น และมีทีเด็ดที่ทางเจ้าของร้านแนะนำเองเลยจะมี ปังเย็น และ ฮันนี่โทส ซึ่งทางร้านจัดทำเป็นแบบโฮมเมดทำเอง ซึ่งอีกเมนูที่แนะนำโดยตรงจากทางพี่แจ็คเลย คือเมนู ปังเย็นโคตรโกโก้ โดยเมนูนี้ทางพี่แจ็คจะตกแต่งและเลือกใส่วัตถุดิบท็อปปิ้งให้โดยตัวพี่แจ็คเอง โดยที่วัตถุดิบที่ใช้ทำจะมีการทำขึ้นมาเอง เป็นสูตรที่ทางร้านลองชิมแล้วรู้สึกว่าเข้ากันได้ดี วัตถุดิบที่ทำขึ้นมาเองก็จะมี ช็อกโกแลตบราวนี่ ขนมปัง และปิดท้ายด้วยการเสิร์ฟใส่ปิ่นโตพร้อมเสิร์ฟพร้อมรับประทาน ซึ่งทางเราก็ได้มีข้อสงสัยว่าทำไมถึงนำปิ่นโตมาใส่เป็นภาชนะทำไมถึงไม่ใช่เป็นทางพวกจานหรือชามต่าง ๆ จึงได้มีการสอบถามและจึงได้ทราบว่าด้วยความที่ตลาดเราเป็นตลาดเก่าหัวตะเข้ ทางพี่แจ็คก็ได้อยากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดูเข้ากันกับตัวตลาดเก่าหัวตะเข้ ก็เลยยังยึดภาชนะที่ใช้เป็นสังกะสีที่ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายของตลาดในสมัยเก่า ๆ รวมถึงทางร้านยังพยายามที่จะใช้ภาชนะอะไรก็ตามที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ส่วนภาชนะจำพวกที่ใช้แล้วทิ้งทางร้านก็จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช่ เพื่อให้เป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่ให้มีขยะและปิ่นโตที่เป็นภาชนะในการให้เมนูต่าง ๆ ยังเป็นการรับซื้อมาจากจังหวัดฉะเชิงเทรา ถือเป็นการอุดหนุนและสนับสนุนสินค้าโอทอปของจังหวัดนั้นอีกด้วย เวลาสั่งออเดอร์ทางพี่แจ็คก็จะมีการถามทุกครั้งว่าลูกค้าต้องการใส่แก้วของทางร้านหรือแก้วพลาสติก ไม่ใช่ว่าเราจะใส่แก้วไปเลยหรือใส่แก้วพลาสติกไปให้ลูกค้าเลย ทางร้านก็จะให้ลูกค้ามีทางเลือกให้ตัวเอง ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกเองได้ตามความสะดวกของตัวเอง แต่ทางเราแนะนำว่า บรรจุภัณฑ์ของทางร้านสวยและน่ารักพร้อมเป็นอุปกรณ์ประกอบการถ่ายรูปได้อย่างสร้างสรรค์ แบบไม่ซ้ำใครให้ลูกค้าได้แน่นอน เหมาะสำหรับการเช็คอินว่าการมาเยือนตลาดเก่าหัวตะเข้ที่มาถึงจริง ๆ นอกจากนี้ยังมีเอกลักษณ์ของตลาดเก่าตะเข้ที่ถ้ามาถึงแล้วต้องได้เห็นคือเรือของชาวบ้านที่จะมีเจ้าเเมวเหมียวตัวน้อยอยู่บนเรือพร้อมแสดงท่าทางสุดน่ารักให้เห็นกันเรื่อย ๆ แถมยังมีกิจกรรมพายเรือเก็บขยะกับเจ้าแมวเหมียวตัวน้อยให้ร่วมสนุกและเป็นประโยชน์กับชุมชนเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและรักความสะอาดกันอีกด้วย เรียกได้ว่า “ตลาดเก่าเรือนไม้ หลวงพรต-ท่านเลี่ยม” หรือที่ทุกทุกท่านจะรู้จักกันดีในชื่อ “ตลาดเก่าหัวตะเข้” นั้น นับเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของลาดกระบังเลยก็ว่าได้ เป็นสถานที่ที่ให้ผู้อยู่อาศัยใกล้เคียงได้มาจับจ่ายใช้สอย นำสินค้ามาแลกเปลี่ยนกัน ทั้งสินค้าชาวบ้าน สินค้าทำมือ สินค้าท้องถิ่น พืชผักสวนครัว หรือแม้แต่กระทั่งของกินของใช้แบบเก่า ๆ ที่ทำให้เราได้นึกย้อนถึงสมัยก่อน ๆ มุมถ่ายรูปสวยงามมากมาย รวมถึงถ้าอยากพายเรือเล่นให้อารมณ์เหมือนตลาดน้ำก็สามารถทำได้ ส่วนร้านคาเฟ่ ณ ลาดกระบังนั้น ทางร้านเปิดทุกวัน อังคาร ถึง วันศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น. และวันเสาร์ ถึงวันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 19.00 น. และหยุดทำการทุกวันจันทร์

ทางร้านและผู้เขียนเองก็อยากจะเชิญชวนทุกทุกท่านเข้ามาสัมผัสเสน่ห์วิธีชุมชนของชาวหัวตะเข้ เข้ามาเยี่ยมเยียนร้าน ณ ลาดกระบังของพี่แจ็คได้ รับรองว่าทุกท่านจะได้รับทั้งความสุขจากวิวบรรยากาศสวย ๆ ทั้งภายในร้าน และริมคลองหัวตะเข้ ได้รับความสุขจากความอร่อยของอาหารที่คุ้มค่า คุ้มราคา ที่ทุกทุกท่านสามารถเข้าถึงได้ การไปเที่ยวครั้งนี้จะไม่มีคำว่า เสียเวลา เสียความรู้สึก อีกทั้งยังได้สนับสนุนและอนุรักษ์บรรยากาศวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนให้ยังคงอยู่  เปรียบเสมือนการสืบทอดมรดกของคนรุ่นหลังไปสู่คนรุ่นใหม่ในอนาคต และได้สัมผัสถึงการผสมผสานสิ่งที่มีอยู่ในอดีตและปัจจุบันเกิดเป็นวัฒนธรรมร่วมสมัยให้ทุกคนได้มาเยี่ยมชมอีกด้วย หากได้มาแวะเวียนเยี่ยมชมแล้ว ต้องมีติดอกติดใจอยากกลับมาเที่ยวกันอย่างแน่นอน