เที่ยวป่าใกล้กรุงที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

“บางกะเจ้า” ป่าใกล้กรุงที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักและไม่เคยไป ในวันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับบางกะเจ้า หรือตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงการเกษตร ที่ตั้งอยู่ภายใน จ.สมุทรปราการ ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯเพียง 1ชั่วโมง การเดินทางมายังบางกะเจ้านั้นสามารเดินทางมาได้หลายวิธีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสาร เรือโดยสาร หรือเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถเดินทางได้อย่างง่ายและสะดวกค่ะ สำหรับวันนี้เราจะแนะนำวิธีการเดินทางฉบับของคนไม่มีรถยนต์ส่วนตัวกันค่ะ เราจะเริ่มต้นการเดินทางจาก BTS สายสีเขียว ที่สถานีอุดมสุขไปยังสถานีบางนา ราคา 15บาท จากนั้นเราก็เดินสกายวอคเพื่อไปต่อรถสองแถวสีแดง ในราคา 10 บาท เพื่อไปลงที่ท่าเรือวัดบางนานอก จ่ายค่าเรือข้ามฝากแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังท่าเรือวัดบางน้ำผึ้ง เพียงแค่ 5 บาท หลังจากนั้นก็เช่าจักรยาน ราคา 50 บาท/1 คัน และปั่นจักรยานมาที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งได้เลยค่ะ

สำหรับราคาของการเช่าจักรยาน แต่ละร้านจะราคาไม่เท่ากัน ทุกคนต้องตัดสินใจเลือกร้านเช่าจักรยานดีๆนะคะ เราขอแนะนำว่าให้เลือกเช่าจักรยานนอกเขตตลาดนำวัดบางน้ำผึ้งค่ะ เพราะราคาจะถูกกว่า แต่ก็ถูกกว่าแค่10-20บาทเองค่ะ ถ้าใครที่ไม่ติดเรื่องเงินจะเช่าจักรยานที่ไหนก็คุ้มค่าหมดค่ะ นอกจากมีจักรยานให้เช่าแล้ว ยังมีมอเตอร์ไซค์ ให้เช่าด้วยนะคะ ราคาเช่ามอเตอร์ไซคะอยู่ที่ 300บาทต่อวันค่ะ สำหรับคนที่ชอบความสะดวกสบายหรือเป็นสายรักความเร็วก็สามารถ เช่ามอเตอร์ไซค์ได้ค่ะ เราลองรวมราคาการเดินทางทั้งขาไปและขากลับจะอยู่ที่ประมาณ 100บาท(ราคานี้ไม่รวมค่าเช่าจักรยาน) ถือว่าคุ้มและไม่แพงเลยค่ะ

“ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง” หรือบางกะเจ้าจะเปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 8.00-16.00 น. ถ้าใครอยากจะมาเดินตลาดน้ำ เที่ยวในบรรยากาศที่คึกคักและมีร้านขายของเปิดเยอะๆ แนะนำให้มาช่วงเวลา 9.00-13.00 น. ค่ะ ที่บางกะเจ้าไม่ได้ มีเพียงแค่ตลาดน้ำ แต่ยังมีกิจกรรมมากมายให้ทำอีกด้วยนะคะ ก่อนที่เราจะไปทำกิจกรรม เราต้องเติมพลังงาน ให้ร่างกายก่อนค่ะ ที่ตลาดน้ำมีอาหารน่าทานหลายอย่างเลยค่ะ เราได้ไปทานข้าวหน้าเป็ด บะหมี่ ไก่สะเต๊ะ ไอติมหลอด ขอบอกเลยว่าทุกสิ่งที่พูดมา อร่อยหมดเลยค่ะและราคาก็ไม่แพงด้วย

แต่สิ่งที่เราบอกไปยังไม่ใช่ทีเด็ดของที่นี่ค่ะ หากทุกคนที่มาตลาดน้ำวัดบางน้ำผึ้งแล้วไม่ได้ทานสิ่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเลย นั่นคือเมี่ยงคำ “ร้านเรือนนมสด” เมี่ยงคำของที่ร้านจะมีขนาดค่ะ มีถาดเล็กและถาดใหญ่ ถาดเล็กราคา 20บาท ได้เมี่ยงคำ 6ชิ้น ส่วนถาดใหญ่ราคา 30บาท ได้เมี่ยงคำ 8ชิ้น รสชาติอร่อยและสะอาดมาก ถ้าใครติดใจเมี่ยงคำ ของที่ร้านเรือนนมสด ก็สามารถซื้อกลับบ้านไปฝากคุณแม่ได้ในราคาย่อมเยาว์เพียง 35บาท ในร้านเรือนนมสด ยังมีอาหารที่ขึ้นชื่ออีกนะคะ คือ ขนมจีนแกงไก่ ราคา 40และ 60บาท ห่อหมกปลาช่อนแท้ ราคา 40-100 บาท และยังมีเครื่องดื่ม ราคา10-35 บาท นอกจากนี้ในตลาดยังมีอาหาร เครื่องดื่ม และขนมอีกมากมาย ให้ทุกคนไปเลือกเดินซื้อได้ตามใจชอบเลย อีก 1 ไฮท์ไลท์สำคัญที่ใครเดินผ่านไปมาก็จะเห็น คือหลวงพ่อจากวัดบางน้ำผึ้งค่ะ หลวงพ่อทั้ง 2 องค์ จะคอยสาดน้ำมนต์ให้พรแก่ญาติโยมที่มาเที่ยวกันที่ตลาด นอกจากนี้เรายังสามารถช่วยเหลือทำนุบำรุงวัดได้ โดยการใส่เงินบริจาคในกล่องที่ตั้งไว้ข้างๆหลวงพ่อเลยค่ะ

เมื่อเราเติมพลังงานให้ร่างกายเสร็จก่อนที่เราจะออกจากตลาดน้ำวัดบางน้ำผึ้ง ที่นี่มีบ่อปลาคาร์ฟเลี้ยงและ คอกน้องแพะด้วยค่ะ เราสามารถแวะให้อาหารทั้งน้องปลาและน้องแพะได้เลยค่ะ ถ้าใครชอบแพะ เราขอการันตีเลยค่ะว่าน่ารักมาก เห็นแล้วชื่นใจสุดๆ หลังจากเราให้อาหารปลาและแพะเสร็จ เราก็จะไปทำกิจกรรมที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม แถมยังไปง่ายและไม่ไกลจากตลาดน้ำบางน้ำผึ้งเลยค่ะ สำหรับกิจกรรมที่เราเลือกทำนะคะ คือการทำผ้ามัดย้อมและธูปหอมค่ะ เราจะปั่นจักรยานจากตลาดน้ำไปยังวิสาหกิจชุมชน บ้านธูปหอม ประมาณ 600 เมตร สำหรับเส้นทางการปั่นก็ไม่ซับซ้อนค่ะ เราจะเริ่มตั้งต้นกันที่หน้าป้ายตลาดน้ำค่ะ จากนั้นก็ปั่นออกมาตรง 3แยก ให้เราเลี้ยงขวาและปั่นตรงไปเรื่อยๆจนเจอ 4แยก ให้เราเลี้ยวซ้ายและปั่นไปอีกประมาณ200เมตร เลี้ยวซ้ายอีกที ปั่นตรงเข้ามาไม่ไกลมาก ให้มองขวามือเราจะเจอลานกว้างที่มีร้านเช่าจักรยานริมถนนและเราจะเจอป้ายบ้านธูปหอม ให้เราปั่นเข้ามาในซอยเล็กๆ  ขอเตือนเลยว่าต้องใช้ความระมัดระวังในการปั่นนะคะ ถ้าปั่นจักรยานไม่แข็งอาจจะ ตกคลองได้  บอกเลยว่าบรรยากาศร่มรื่นมีต้นไม้รายล้อม อากาศดีมากๆเลยค่ะ เมื่อเราเดินเข้าไปในบ้านธูปหอมกิจกรรมแรกที่เราเจอ คือการทำผ้ามัดย้อมค่ะ ในส่วนของผ้ามัดย้อม ที่นี่มีทั้งทำผ้ามัดย้อมแบบสีสันและแบบย้อมสีธรรมชาติ วันนี้พวกเราเลือกทำผ้ามัดย้อมแบบสีธรรมชาติกันค่ะ  ซึ่งวิธีทำก็ไม่ยาก เริ่มแรกเราต้องเลือกผ้าที่เราจะใช้ทำผ้ามัดย้อมกันค่ะ ที่นี่มีให้เลือกหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งผ้าเช็ดหน้า เสื้อกล้าม เสื้อยืด กระเป๋าผ้า และหมวก จากนั้นนำผ้าที่เราเลือกมาขดม้วนๆ แล้วน้ำไปต้มในหม้อสี สีที่ใช้มาจากดอกอัญชันค่ะ จากนั้นพวกเราก็นำขึ้นจากหม้อและคลี่ผ้าออก ถ้าใครที่ไม่อยากรอให้ผ้ามัดย้อมแห้ง  เราก็สามารถนำกลับไปตากต่อที่บ้านได้ด้วย

เรื่องราคานั้นไม่ต้องห่วงเลยค่ะว่าจะแพง ราคาเริ่มต้นที่80บาท เท่านั้นเอง กิจกรรมที่ 2 ที่เราจะเจอคือการทำธูปหอม สำหรับราคาก็ไม่แพงเช่นกันค่ะ เพียงแค่ 60 บาทต่อ 1 คนค่ะ 60บาทสามารถทำกี่อันก็ได้ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นการทำธูปหอมแบบบุฟเฟต์เลย ทุกคนไม่ต้องกังวลว่าจะทำยากหรือทำไม่ได้นะคะ เพราะคุณป้าที่สอนทำธูปหอมใจดีและใจเย็นในการสอนมากๆค่ะ ถ้าใครที่ทำไม่ได้ คุณป้าจะเดินเข้าไปช่วย และสอนตัวต่อตัวเลยค่ะ พอเราปั้นธูปเสร็จแล้ว เราต้องนำธูปไปตากแดดเพื่อให้ธูปแข็งตัวก่อน เราจึงจะนำธูปไปจุดไล่ยุงได้ค่ะ แต่ถ้าใครไม่อยากรอให้ธูปแห้ง จะไม่เอาธูปกลับก็ได้นะคะ เพราะที่บ้านธูปหอมจะมีธูปหอมที่ระลึกให้เราคนละ 1ห่อ เป็นของแทนคำขอบคุณ ที่เข้ามาสานต่อวัฒนธรรมของไทย สำหรับส่วนผสมของธูปหอมของที่นี่มีกลิ่นหอมและมีแต่สมุนไพรทั้งนั้น ได้แก่ ผงขมิ้น มะกรูด ไม้มะม่วง ตะไคร้หอม เปลือกส้ม ยางบง และใบสะเดาค่ะ สรรพคุณของธูปหอม คือใช้ไล่ยุงแถมยัง ไม่เป็นพิษต่อระบบหายใจของมนุษย์อีกด้วย ใครที่สนใจทำผ้ามัดย้อมและธูปหอม

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 02-815-0729

หลังจากที่เราทำผ้ามัดย้อมและธูปหอมเสร็จแล้ว เราก็ปั่นจักรยานไปคาเฟ่กัน คาเฟ่ที่เราเลือกไป ชื่อว่าHiddenwoods เป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ติดริมแม่น้ำ บรรยากาศดี ลมเย็นสบาย ราคาอาหารก็ไม่แพงมาก อยู่ในราคาที่จับต้องได้ค่ะ เราเลือกทานอาหาร อาหารที่เราขอแนะนำ คือเมนูปลาหมึกผัดไข่เค็มค่ะ อร่อยมาก นอกจากคาเฟ่ที่นี่แล้ว ที่บางกะเจ้ายังมีคาเฟ่อีกหลายแห่งให้ไปกันค่ะ เช่น ร้านBangkok Tree House ร้านกาแฟในบ้าน ร้านปั่นกินแฟ เป็นต้นค่ะ สำหรับใครที่หยุดเสาร์-อาทิตย์แล้วอยากไปเที่ยว แต่ไม่อยากเดินทางไกล เราขอแนะนำบางกะเจ้าหรือตลาดน้ำบางน้ำผึ้งเลยค่ะ เดินทางง่าย ไม่ไกลจากรุงเทพฯอีกด้วย

👇🏼นอกจากบทความและรูปภาพแล้ว พวกเรายังมีคลิปให้ทุกคนได้ดูด้วยนะคะ 👇🏼

❤️ ลองมาเที่ยวเชิงการเกษตรดูนะคะ แล้วคุณจะติดใจ ❤️