charoenkrung เที่ยวเจริญกรุงใน 1 วัน ที่เที่ยว ย่านเก่า เจริญกรุง

เจริญใจที่เจริญกรุง – ให้ย่านเก่าเยียวยาใจไปด้วยกัน :)

“เจริญกรุง” ชื่อของถนนสายแรกของประเทศไทย สร้างเพื่อรองรับชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ โดยใช้เทคนิคการสร้างแบบตะวันตก ประชาชนในสมัยนั้นเรียกว่า ถนนใหม่ ต่อมารัชกาลที่ 4 จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามถนนแห่งนี้ว่า เจริญกรุง เพื่อสื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง

ถนนสายนี้ยาวตั้งแต่เขตพระนครไปจนถึงเขตบางคอแหลม ด้วยระยะทางกว่า 8,575 เมตร จึงได้เห็นความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งไทย จีน และฝรั่ง ผ่านสถาปัตยกรรม ตึก ร้านค้า ร้านอาหาร ที่ปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดเส้นทาง

กาลเวลาผ่านไป เจริญกรุงกลายเป็นย่านที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังความคลาสสิก และความสร้างสรรค์ เราจะพาคุณลัดเลาะตามซอกซอยต่าง ๆ ที่อยู่ในย่านเจริญกรุง ชมนิทรรศการ ถ่ายรูป ดูวิวแม่น้ำ เดินเล่นชิล ๆ ในย่านนี้ที่ขึ้นชื่อเรื่องมีสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์และกลิ่นอายเมืองเก่าไม่เหมือนใครให้คุณได้ตกหลุมรักแน่นอน

ในส่วนของการเดินทางเราเลือกที่จะมาถึงสถานีก่อนที่รถไฟจะมาประมาณ 5-10 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้พลาดรอบรถไฟ

โดยเริ่มต้นที่สถานีรถไฟพระจอมเกล้า รถไฟเลขขบวน 278 กบินทร์บุรี – กรุงเทพ รถไฟจะมาถึงสถานีพระจอมเกล้าเวลา 09:14 นาทีและถึงสถานีปลายทางกรุงเทพ (หัวลำโพง) ในเวลา 10:15 นาทีโดยประมาณ ซึ่งสามารถตรวจสอบเวลาการเดินรถได้ที่เว็บการรถไฟแห่งประเทศไทย https://www.railway.co.th/Station/StationList

เมื่อได้ขึ้นมาบนรถไฟก็ทำการเดินหาที่นั่งและเนื่องจากรอบที่ขึ้นผู้โดยสารไม่หนาแน่นทำให้มีที่นั่งเพียงพอเราเลือกที่นั่งติดริมหน้าต่างเพื่อที่จะถ่ายวิวข้างทางมาฝากทุกคน เมื่อผ่านสถานีรถไฟลาดกระบังก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาตรวจ-จำหน่ายตั๋วโดยสาร ค่าโดยสารจะคิดตามระยะทางซึ่งของเราจะอยู่ที่ราคา 6 บาท บนตั๋วโดยสารที่ได้มาจะระบุข้อมูลไว้อย่างชัดเจน

ตลอดสองข้างทางที่นั่งผ่านมาบรรยากาศค่อนข้างร่มรื่น เราได้นั่งรับลมชมวิวธรรมชาติและผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ อีกทั้งได้เห็นการใช้ชีวิตของผู้คนที่แตกต่างกันไป ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงในที่สุดเราก็ถึงสถานีปลายทาง สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)

สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) มีอายุถึง 107 ปี ซึ่งเปิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2459 ถือเป็นสถานีที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ตัวสถานีค่อนข้างใหญ่และกว้างขวางเนื่องจากแต่ก่อนนอกจากจะเป็นขนส่งมวลชนยังเป็นศูนย์กลางของการขนส่งสินค้าที่สำคัญ

จนในปี พ.ศ.2503 ถูกปรับปรุงให้บริการเฉพาะขนส่งมวลชนเท่านั้น อีกทั้งสถาปัตยกรรมการออกแบบสมัยเรอเนสซองส์เป็นทรงประทุนเรือหรืออาร์คโค้งซึ่งถือเป็นที่ฮือฮามาในสมัยนั้น ในสถานีมีรถไฟจอดเรียงรายอยู่มากมาย ผู้คนเดินกันขวักไขว่และหากเดินออกจากตัวสถานีก็จะเจอรถโดยสารสาธารณะจอดรอสำหรับผู้โดยสารที่ต้องเดินทางหลายต่อ อีกทั้งรอบ ๆ สถานีก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนอีกมากมาย

River City Bangkok

เป็นศูนย์รวมศิลปะหลากหลายรูปแบบมาสับเปลี่ยนหมุนเวียนให้คนรักงานศิลป์ได้มาชมผลงาน จากศิลปินในไทยและต่างประเทศ ที่เหล่าอาร์ตเลิฟเวอร์ นักสะสม สามารถมาชมแกลอรีได้ฟรี อีกทั้งได้พบปะกับศิลปิน และสามารถเรียนรู้ถึงคุณค่าของงานศิลปะไทยร่วมสมัย ถือได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักงานศิลปะเลยก็ว่าได้

ริเวอร์ซิตี้มีอาคาร 5 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีรายละเอียดดังนี้

– ชั้นที่ 1 ประกอบด้วย ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านอาหาร และร้าน Soul Salt River City ที่สามารถนั่งวาดรูปพร้อมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา

– ชั้นที่ 2-3 ประกอบด้วย ห้องจัดนิทรรศการ และแกลอรี่ต่าง ๆ สำหรับใครที่ชอบเสพงานนิทรรศการศิลปะ แนะนำให้ไปชั้นนี้

– ชั้นที่ 4-5 ประกอบด้วย ร้านค้ารวบรวมศิลปะจากทั่วมุมโลก ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ และห้องจัดนิทรรศการเล็ก ๆ

ROCK | PAPER | SCISSORS

นิทรรศการเป่ายิ้งฉุบ ที่สื่อถึงมุมมองชีวิตที่เปรียบเสมือนเกม โชคชะตาที่ชอบเล่นตลกกับเราไม่ว่าคุณเต็มใจที่จะเล่นหรือไม่ คุณไม่มีวันหนีเกมแห่งชีวิตเหล่านี้ไปได้ จนกว่าคุณจะหมดลมหายใจ เพราะชีวิตก็เหมือนเกม ที่เราต้องผ่านแต่ละด่านไปให้ได้ด้วย “มือ” ของเราเอง นิทรรศการนี้ที่กำลังจะบอกเราแบบนั้น

📅 16 ธันวาคม 2566 – 4 กุมภาพันธ์ 2567

⏰ เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) เวลา 11:30 – 19:00 น. (เสาร์ – อาทิตย์ เปิด 10:30 น.)

📍 Trendy Gallery, ชั้น 2 , ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก

Come Rain or Shine

นิทรรศการฮีลใจต้อนรับปีใหม่ ที่จะชวนทบทวนการเดินทางในชีวิตที่ผ่านมา สำรวจจิตใจของความความหวัง กดดัน จากการแข่งขันมากมาย ทั้งในช่วงเวลาที่ดื่มด่ำใจกับความสุขและโอบกอดตัวเองแห่งความเศร้า เตรียมก้าวไปสู่การเริ่มต้นปีใหม่ที่จะมาถึง และพร้อมที่พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

📅 21 ธันวาคม 2566 – 21 มกราคม 2567

⏰ เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) เวลา 10:00 – 20:00 น. (เสาร์ – อาทิตย์ เปิด 11:00 น.)

📍 RCB Galleria 1, ชั้น 2 , ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก

ON CLOUD NINE

ออกผจญภัยไปกับเด็กชายตัวกลม และน้องหมาคู่ใจ ที่ศิลปินอยากถ่ายทอดบันทึกความทรงจำตลอดระยะเวลา 30 ปี นิทรรศการนี้แสดงถึงความสำคัญของการมีอยู่ของใครสักคน ที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน สอนให้เรียนรู้ เก็บทุกช่วงเวลาที่สำคัญ เปรียบชีวิตเป็นก้อนเมฆ ที่มีทั้งวันสดใสและอึมครึม และก้อนเมฆตรงนั้นจะผ่านพ้นไป

📅 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2566 – 21 มกราคม พ.ศ.2567

⏰ เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 20:00 น.

📍 RCB Photographer Gallery, ชั้น 2 , ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก

ตลาดน้อย

ถ้าจะพูดถึงสิ่งที่ทุกคนต้องนึกถึงเมื่อมาเที่ยวย่านถนนเจริญกรุงทุกคนต้องนึกถึง ตลาดน้อย ซึ่งเป็นย่านการค้าชุมชนชาวจีนเก่าแก่ ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตั้งอยู่ที่ซอยวานิช 2 และซอยเจริญกรุง 22 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

โดยตัวตลาดจะอยู่ในชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่มีเชื้อสายจีน ทำให้ตลาดมีบรรยกาศแตกต่างจากตลาดทั่วไป โดยมีบ้านเรือนเก่าสไตล์จีนและอารยธรรมสไตล์จีนรอบ ๆ ตัวตลาด

ในระหว่างทางเดินสังเกตดูจะพบศิลปะกราฟฟิติบนผนังมากมาย ช่วยทำให้ดูมีสีสันและเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเหมาะแก่การถ่ายรูป เนื่องตัวตลาดอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาทำให้มีท่าเรือสำหรับใครที่อยากลองเดินทางทั่วกรุงทั้งทางบกและทางน้ำ

ในปัจจุบันตลาดน้อยมีจุดเด่นในการค้าขายอะไหล่ เครื่องยนต์ และยังมีศาลเจ้าโจวซือกงที่ให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมกราบไหว้อีกด้วย ตลาดน้อยเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติในการมาท่องเที่ยว จึงทำให้มีบ้านพักโรงแรมในบริเวณนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนได้อย่างมาก

สำหรับใครที่อยากได้สถานที่ถ่ายรูปสวย ๆ ให้อารมณ์ย้อนยุค ตลาดน้อยนับว่าเป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ เลยก็ว่าได้

สถานที่ตั้ง ถนนเจริญกรุง ซอยวานิช 2 และซอยเจริญกรุง 22

กรมเจ้าท่ามีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล ส่งเสริม พัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำ เป็นท่าเทียบเรือที่มีการนำสถาปัตยกรรมตะวันตกที่เรียกว่า โบซาร์ผสมผสานกับนีโอคลาสสิก พร้อมเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านบนดาดฟ้าของท่าเทียบเรือยังเป็นสถานที่ประดิษฐานของพระพุทธโลกุตรธรรมประชานาถ

พระพุทธโลกุตรธรรมประชานาถ

กรมเจ้าท่าได้ถือว่า วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2402 เป็นวันคล้ายวันสถาปนากรมเจ้าท่า คณะผู้บริหารและบุคลากรของกรมเจ้าท่า จึงได้ร่วมกันหล่อสร้างพระพุทธรูปปางรำพึง เป็นพระพุทธรูปประจำกรมเจ้าท่า อันเป็นพระพุทธรูปประจำวันศุกร์ เพื่อเป็นพระพุทธรูปประจำกรมเจ้าท่า

บริเวณใกล้เคียงมีสิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับกรมเจ้าท่า เช่น รูปปั้นเหมือนอธิบดีกรมเจ้าท่าท่านแรก ศาลเจ้าจ่งเซียนกงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกรมเจ้าท่า และเรือจำลองจากเรือไกรสรมุขพิมาน

พระยาวิสูตรสาครดิฐ

เป็นผู้วางรากฐานงานเจ้าท่าขึ้นในประเทศไทยและถือเป็นอธิบดีคนแรกของกรมเจ้าท่า เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัวให้เดินปลอดภัยตลอดการเดินทาง

ศาลเจ้าจ่งเซียนกง (ศาลเจ้าแม่กวนอิม)

ในอดีตกรมเจ้าท่ามีการก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อกั้นตลิ่ง แต่ไม่สามารถตอกเสาเข็มได้ เนื่องจากมีวัตถุจมอยู่ใต้น้ำ เมื่อสำรวจก็พบตุ๊กตาหินแกะสลักสภาพแตกหัก จึงนำขึ้นมาเก็บไว้ที่ใต้ต้นไทรในกรมเจ้าท่า สันนิษฐานว่ามาจากเรือสำเภาจีนระหว่างการขนย้าย ต่อมามีการสร้างศาลเจ้าแม่กวนอิมเป็นที่ประดิษฐานตุ๊กตาหินแกะสลัก หลักจากนั้นกรมเจ้าท่าก็เจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด

เรือไกรสรมุขพิมาน

เป็นเรือที่สร้างจำลองมาจากรูปราชสีห์ที่เป็นเรือในกระบวนพระราชพิธีที่ได้ตกทอดเป็นโบราณวัตถุชิ้นเอกของกรมเจ้าท่า โดยกระทรวงมหาดไทยในอดีตได้สร้างและมอบให้เป็นที่ระลึก หรือใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำกรมเจ้าท่า

โดยชั้นที่ 2 ของท่าเทียบเรือกรมเจ้าท่า อากาศดี เห็นวิวตึกของกรมเจ้าท่า วิวแม่น้ำเจ้าพระยา สวยงาม คลาสสิก สามารถเข้าไปเดินชม ถ่ายรูปได้ มีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจให้ผู้มาเยือน พร้อมกับวิวแม่น้ำ เรือลำอื่น ๆ ที่แล่นผ่าน บรรยากาศที่ปลอดโปร่งร่มรื่น มีลมเย็นพัดตลอดทั้งวัน เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาด

ถ้าพูดถึงสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์กคลาสสิกของไทยต้องนึกถึง อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก ต้นกำเนิดไปรษณีย์ไทย ด้านหน้าอาคารมีอนุสาวรีย์บุคคลสำคัญของไปรษณีย์ไทยตั้งอยู่อย่างโดดเด่น

‘สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช’ เป็นพระราชโอรสพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ถวายงานด้านทั้งในกิจการทหารและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจการไปรษณีย์ ดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมไปรษณีย์พระองค์แรกของประเทศโดยมีการปรับปรุงไปรษณีย์ของสยามให้มีความก้าวหน้าทันสมัยด้วยพระกรุณาธิคุณทรงต่อกิจการไปรษณีย์ของประเทศไทยพระองค์จึงได้รับการสดุดีพระเกียรติคุณเป็น “พระบิดาแห่งการไปรษณีย์ไทย”

เมื่อมองไปที่จุดสูงสุดของอาคารจะพบกับประติมากรรม ‘องค์พญาครุฑยุดแตรงอน’ ขนาดใหญ่กว่าคนจริง
องค์พญาครุฑส่วนใหญ่จะมีความโดดเด่นด้านศิลปะ ลวดลายไทยที่ศิลปินปั้นออกมา ประติมากรรมนี้ออกแบบโดย ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี โดยองค์พญาครุฑยุดแตรงอนทั้งสององค์ เป็นประติมากรรมปูนปั้นลอยตัวขนาดใหญ่ โดยสีของรูปปั้นมีสีชมพูคล้ายสีผิวของมนุษย์ รูปปั้นนี้เคยเป็นสัญลักษณ์ของกรมไปรษณีย์โทรเลข สามารถเข้าชมได้ง่ายไม่ว่าจะเดินขึ้นบันไดระหว่างทางก็ชมความสวยงามศิลปะภายในตัวอาคารก่อนจะขึ้นไปที่ดาดฟ้าเพื่อสักการะองค์พญาครุฑด้านบน

ไปรษณีย์กลางบางรัก มีการออกแบบอาคารสไตล์อาร์ตเดโค ประตูทางเข้าที่เป็นเหล็กประดับสัญลักษณ์ครุฑยุดแตรงอน ความพิเศษภายในตึก คือ ไม่มีเสาเลยสักต้น ในบริเวณนี้ช่วงเวลาเย็นบริเวณหน้าอาคารจะมีการเปิดไฟประดับให้ความสวยงามในตอนเย็นที่แตกต่างจากตอนกลางวันแล้วยังเป็นจุด เช็คอินที่ใครมาต้องไม่พลาด

งานประติมากรรมภาพแสตมป์นูนต่ำจำนวนแปดชิ้นประดับที่ผนังห้องโถงไปรษณีย์โดยผลงานนี้ คนออกแบบคือ บิดาแห่งศิลปะไทยอย่าง ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ผลงานที่ประดับในอาคารนี้ไม่ได้มีแต่ความสวยงามเท่านั้นแต่ยังมีการบอกเล่าเหตุการณ์ยุคสมัยของกิจการไปรษณีย์โทรเลขตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 5 จนถึงปัจจุบัน

สถานที่ตั้ง : อาคารไปรษณีย์บางรัก ถ.เจริญกรุง เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
เบอร์โทร : 0-2236-9848
เวลาเปิดให้บริการ
จันทร์-ศุกร์ : 08.30 – 16.30 น.
เสาร์ : 07.00 – 16.00 น.
อาทิตย์ : หยุดทำการ

ฮงฮวด ตำนานไอศกรีมโฮมเมดกว่า 80 ปี โดยสีสันและความอร่อยบอกเลยว่าไม่เคยหายไปตามกาลเวลาคือความสุขของคนรักไอศกรีมในระดับตำนานจริง ๆ

เริ่มต้นทางร้านคิดค้นสูตรด้วยตัวเองโดยการนำกะทิคั้นมือสดใหม่เท่านั้นมาเป็นวัตถุดิบหลัก เริ่มจำหน่ายตั้งแต่เริ่มแรกคือ 3 บาท จนปัจจุบันทางร้านจำหน่ายไอศกรีมใน ราคาถ้วยละ 30 บาท (3 ลูก) โดยรสกะทิสดมีตั้งแต่เริ่มแรก และยังเป็นรสชาติขายดีประจำร้าน

จนปัจจุบันทางร้านมีเพิ่มอีกหลากหลายรสชาติ อาทิ กะทิสด กาแฟ โกโก้ วานิลลา และสตรอว์เบอร์รี โดยมีท็อปปิ้งเพิ่มสีสันแห่งความอร่อยให้ไอศกรีมทุกรสชาติอย่าง ข้าวโพด เม็ดบัว ลูกชิด เยลลี่ไอศกรีมประจำร้าน 5 รสชาติ ได้แก่ กะทิสด กาแฟ โกโก้ วานิลลา สตรอว์เบอร์รี ที่สามารถเพิ่มท็อปปิ้งตามความชอบใจ ช่วยเพิ่มความคลาสสิกแบบส่งความอร่อยผ่านรุ่นสู่รุ่นท็อปปิ้ง

สมัยก่อนมีแค่เพียงลูกชิด ข้าวโพด ถั่ว เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการเพิ่มเม็ดบัวและเยลลี่เข้ามาเพื่อเพิ่มความหลากหลาย โดยเยลลี่แดงในตำนาน เยลลี่เนื้อเด้งหวานน้อย แต่ได้ใจคนทุกยุค บอกเลยว่าเป็นท็อปปิ้งที่มัดใจผู้ใหญ่และเด็กได้เป็นอย่างดี

และถ้าใครได้มานั่งทานในสมัยนี้ ยังรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแบบวันวานไม่เปลี่ยนแปลงนอกจากไอศกรีมนั่งทานที่ร้าน ทางร้านยังมีถ้วยหลากหลายไซซ์ให้สั่งซื้อกลับไปทานที่บ้าน พอถึงบ้านให้รีบเข้าฟรีซ สามารถเก็บไว้ได้ถึง 2-3 สัปดาห์ แบบกลับบ้านจะได้กระปุกละ 1 รสชาติ

ถ้าใครอยากสัมผัสความย้อนยุคของไอศกรีมโบราณร้านฮงฮวดและสัมผัสบรรยากาศสุดเก๋าเก่าแก่ในตำนาน 80 ปี ก็สามารถแวะมาที่เจริญกรุง 43 ฮงฮวดไอศกรีมไปรษณีย์กลางเพื่อสัมผัสด้วยตัวคุณเองได้เลย

เปิดบริการ จันทร์-เสาร์ 10.00-19.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) 

รับชมวิดีโอประกอบเพิ่มเติม

ย่านที่ถูกผสานวัฒนธรรมหลากหลายทั้งเก่า-ใหม่เข้าด้วยกัน ทั้งวัฒนธรรม อาหาร ความทรงจำ ศิลปะ วิถีชีวิตที่ซ่อนอยู่ตลอดถนนสายนี้ รอให้คุณได้ค้นหาและเยียวยาใจคุณอยู่นะ 🙂