ข้อมูลท่องเที่ยวและอัพเดท 24 จุดเช็คอินห้ามพลาดในกระบี่ 2567
24 best things to do in Krabi - A 2024 guide

จุดเช็คอินน่าเที่ยวในกระบี่

กระบี่ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดในภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามันที่เป็นสถานที่ในฝันของใครหลายคน ความพิเศษของกระบี่ไม่ได้มีดีแค่ทะเล เพราะกระบี่มีทรัพยากรทางธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เกาะเล็กเกาะน้อยกว่า 130 เกาะ ภูเขา คลอง ป่าชายเลน หรือมรดกทางวัฒนธรรมอีกมากมาย กระบี่ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 814 กิโลเมตรและมีเนื้อที่กว่า 4,708 ตารางกิโลเมตร

 

ข้อมูลเที่ยวกระบี่

 วิธีเดินทางไปกระบี่

 เดินทางด้วยเครื่องบิน
 เดินทางด้วยรถบัส
 
เดินทางด้วยเรือ
 เดินทางด้วยรถไฟ

 สถานที่ท่องเที่ยวในกระบี่

 

การเดินทางไปกระบี่

 

จังหวัดกระบี่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแวะเวียนไปใช้เวลาในวันหยุดกัน นอกจากจะมีสถานที่สวย ๆ ให้ได้ไปเยือนไปถ่ายภาพเก็บไว้สักครั้งในชีวิตแล้ว กระบี่ยังเป็นจังหวัดที่เดินทางได้ง่าย สะดวก และสามารถเดินทางได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยเครื่องบิน เรือ ขับรถไปเอง หรือนั่งรถไฟชิล ๆ ไปก็ได้เช่นกัน 

✈️ เดินทางด้วยเครื่องบิน

การเดินทางมากระบี่ด้วยเครื่องบินเป็นตัวเลือกที่นักท่องเที่ยวจะนิยมใช้ หากเดินทางมาจากจังหวัดอื่น ๆ โดยเฉพาะจากกรุงเทพฯหรือเชียงใหม่ ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง ต่างล้วนมีเที่ยวบินที่บินตรงจากกรุงเทพฯ มากระบี่ นอกจากนี้หากใครกังวลว่ามาถึงสนามบินกระบี่แล้ว จะหารถต่อเข้าที่พักลำบาก เนื่องจากสนามบินกระบี่ตั้งอยู่ในจุดที่ค่อนข้างเดินทางไปมาสะดวก มีรถโดยสารให้บริการ รวมทั้งสามารถเช่ารถเพื่อขับท่องเที่ยวในกระบี่เองหรือจะติดต่อรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่ที่พักเลยก็ได้แล้วแต่เราจะเลือก ระยะเวลาในการบินตรงจากกรุงเทพฯมากระบี่ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง

ออกจากกรุงเทพฯ: มีสายการบินที่เดินทางออกจากกรุงเทพฯหลากหลายสายการบินให้เราได้เลือก โดยมีทั้งจากสนามบินสุวรรณภูมิหรือสนามบินดอนเมือง

ท่าอากาศยานดอนเมือง
สายการบินที่ให้บริการ ได้แก่

ไทยไลอ้อนแอร์
- ไทยแอร์เอเชีย
- นกแอร์
ไทยเวียตเจ็ทแอร์

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
สายการบินที่ให้บริการ ได้แก่

- การบินไทย
- บางกอกแอร์เวย์
- ไทยสมายล์

🚌 เดินทางโดยรถบัส

ออกจากกรุงเทพฯ : รถโดยสารเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศจากการนั่งเครื่องบินมาเป็นการนั่งรถชมวิวข้างทางเรื่อย ๆ ชิล ๆ ซื้อตั๋วโดยสารได้ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (ถนนบรมราชินี) โดยมีหลากหลายราคาให้เราได้เลือกกัน ระยะเวลาจากกรุงเทพฯมากระบี่ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง ซึ่งจะมีการจอดแวะให้เราได้พักยืดเส้นยืดสายและรับประทานอาหารระหว่างทางที่จุดพักรถ โดยบริษัทที่ให้บริการเที่ยวรถบัสโดยสารไปกระบี่นั้นจะมี 2 บริษัท คือ

- บริษัทลิกไนท์ทัวร์
ติดต่อจองล่วงหน้าได้ที่เบอร์ โทร: 081-2559710, 081-2559712

- บริษัท 999 ขนส่ง
ติดต่อจองล่วงหน้าได้ที่เบอร์ โทร: 0-2269-6999

ออกจากภูเก็ต : จะเป็นรถมินิบัสโดยสารคอยบริการรับส่งจากภูเก็ตไปกระบี่ โดยจะเป็นรถที่วิ่งเส้นทางภูเก็ต-หาดใหญ่ (วาระรัศมี) จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง วิธีนี้จะเหมาะสำหรับคนที่แวะมาเที่ยวภูเก็ตแล้วต้องการไปกระบี่ด้วย หากใครมีเวลาวันหยุดเยอะ ๆ ก็มักจะนั่งรถจากภูเก็ตเพื่อเข้ามาเที่ยวที่กระบี่ด้วยเช่นกัน สามารถอ่านรายละเอียด ราคา และตารางรถได้ด้านล่าง ที่สำคัญเราสามารถไปซื้อตั๋วโดยสารได้ที่สถานีขนส่งภูเก็ต 2 หรือสามารถโทรจองได้ที่เบอร์ด้านล่างได้เลย

- รถมินิบัสศรีตรังทัวร์
ติดต่อจองล่วงหน้าได้ที่เบอร์ โทร: 086-4768284

- รถมินิบัส ภูเก็ต - หาดใหญ่ (วาระรัศมี)
ติดต่อจองล่วงหน้าได้ที่เบอร์ โทร: 088-1694584, 091-1652425

🛳 เดินทางโดยเรือ

ออกจากภูเก็ต : อีกหนึ่งวิธีที่คนที่มาเที่ยวภูเก็ตแล้วต้องการไปเที่ยวกระบี่ต่อมักจะนิยมใช้บริการ คือ การนั่งเรือข้ามฟาก (เรือเฟอร์รี่) หรือเรือสปีดโบ๊ทจากท่าเรือที่ภูเก็ตไปกระบี่ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-3 ชั่วโมง (แล้วแต่ประเภทของเรือ) จากภูเก็ตมีเรือให้บริการจากท่าเรือรัษฎา แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดในตอนนี้ ทำให้เรือหลายบริษัทได้ปิดให้บริการเป็นการชั่วคราว หนึ่งในนั้นรวมเรือเฟอร์รี่ด้วย แต่ยังคงมีเรือสปีดโบ๊ทที่ยังเปิดให้บริการจากภูเก็ตไปกระบี่อยู่ สามารถอ่านรายละเอียดของเรือสปีดโบ๊ทด้านล่างได้เลย

บัตรเรือสปีดโบ๊ท จากภูเก็ตไปกระบี่ (แวะที่เกาะพีพี)

ออกจากเกาะพีพี: สำหรับคนที่พักค้างคืนที่เกาะพีพีและต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวต่อที่กระบี่ สามารถนั่งเรือเฟอร์รี่ได้เช่นกัน โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ซื้อตั๋วโดยสารล่วงหน้าและออกไปรอเรือที่ท่าเรืออ่าวต้นไทรเกาะพีพี สามารถอ่านรายละเอียดราคา ตารางเรือและสามารถทำการจองได้ตามลิ้งก์ด้านล่างได้เลย

- บัตรเรือเฟอร์รี่จากเกาะพีพีไปกระบี่
- บัตรเรือสปีดโบ๊ท จากเกาะพีพีไปกระบี่

ออกจากเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย: ใครที่พักผ่อนอยู่ที่ 3 เกาะฝั่งอ่าวไทย แล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวทะเลฝั่งอันดามันบ้าง ก็สามารถไปกระบี่ได้เช่นกัน แต่ต้องเปลี่ยนต่อเป็นการเดินทางด้วยรถจากจังหวัดสุราษฎ์ธานี โดยจะใช้เวลาเดินทางรวม ๆ ประมาณ 6 ชั่วโมง วิธีนี้แม้ว่าจะต้องเปลี่ยนยานพาหนะระหว่างการเดินทาง แต่ว่าการซื้อตั๋วโดยสารสามารถทำได้ครั้งเดียวจบเลยได้ทั้งตั๋วเรือและตั๋วรถ

การเลือกใช้บริการด้วยเรือเฟอร์รี่นั้นเป็นที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยสายลุย ๆ เนื่องจากสามารถเที่ยวได้ทั้งทะเลอ่าวไทยและทะเลใต้ฝั่งอันดามันได้ในทริปเดียว นอกจากนี้ราคาตั๋วโดยสารมีราคาไม่แพงอีกด้วย แต่ก็มีข้อจำกัดคือ ใช้เวลาค่อนข้างนานและอาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่มาเที่ยวกับครอบครัวสักเท่าไหร่ หากใครกำลังมีแพลนเที่ยวยาว แล้วอยากเที่ยวทะเลใต้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ครบจบในทริปเดียวก็สามารถเลือกวิธีเดินทางที่เหมาะกับตัวเราได้เลยนะ

🚆 เดินทางด้วยรถไฟ

ออกจากกรุงเทพฯ : กระบี่เป็นจังหวัดที่ไม่มีสถานีรถไฟ ดังนั้นหากใครจะเลือกเดินทางด้วยรถไฟ จำเป็นต้องมาลงที่สถานีรถไฟสุราษฎ์ธานีก่อน แล้วนั่งรถบัสหรือรถตู้โดยสารต่อไปยังกระบี่ได้ จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง เราสามารถซื้อตั๋วรถโดยสารท้องถิ่นจากสถานีรถไฟสุราษฎ์ธานี เพื่อนั่งต่อมาลงที่สถานีขนส่งสุราษฎ์ฯ แล้วนั่งรถตู้ (หรือรถบัสโดยสาร) ต่อไปยังกระบี่ได้เลย

 

12 กิจกรรมและจุดถ่ายรูปที่ห้ามพลาดของกระบี่

 

1. เดินเล่นชิล ๆ ที่เกาะห้อง

เกาะห้องหรืออีกชื่อหนึ่ง คือ เกาะเหลาบิเละ เกาะห้องนั้นเป็นเกาะที่เรียกว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะห้อง หมู่เกาะห้องนั้นประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยมากมาย เช่น เกาะห้อง เกาะเหลา (หรือเกาะซากา) เกาะเหลาเหรียม เกาะปากกะ เกาะเหลาลาดิง เป็นต้น เกาะห้องนั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของกระบี่ที่นักท่องเที่ยวมักจะมาเที่ยว เพราะเป็นเกาะที่เสมือนโดนน้ำทะเลสีครามโอบล้อม ชายหาดสีขาวนวลดุจแป้ง นอกจากนี้ชายหาดนั้นมีรูปร่างเว้าโค้งเปรียบเสมือนปีกนก หมู่เกาะอยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี กิจกรรมที่เราสามารถทำได้ยามเมื่อไปเยือนเกาะห้อง เช่น นอนเล่นริมหาด เล่นน้ำทะเล เดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติ และเดินไปถ่ายรูปบนจุดชมวิว 360 องศา หากใครชอบบรรยากาศล่องเรือหรู บรรยากาศชิล ๆ ล่องเรือไปเรื่อย ๆ ได้บรรยากาศลมทะเลพัดผ่านก็สามารถล่องเรือยอร์ชหรู หรือหากใครอยากได้บรรยากาศที่รวดเร็วถึงที่หมายทันใจก็สามารถไปกับเรือสปีดโบ๊ทก็ได้ เรียกว่าได้ประสบการณ์เที่ยวทะเลกระบี่ไปคนละแบบ

จองโปรแกรมเที่ยวเกาะห้อง แบบเรือยอร์ชสุดหรู

 

2. ชมความมหัศจรรย์ของท่าป้อม คลองสองน้ำ

ท่าป้อม คลองสองน้ำ ตั้งอยู่ในตำบลเขาคราม อำเภอเมือง ตลอดลำคลองนี้เต็มไปด้วยต้นโกงกางขึ้นสลับกับต้นชมพู่น้ำที่ต่างอวดโฉมความสวยงามของรากไม้ควบคู่ตัดกับสีน้ำใสแจ๋วของคลอง ความพิเศษของท่าป้อมคลองสองน้ำ นั้นคือ มีสภาพเป็นป่าพรุที่เป็นการมาเจอกันระหว่างน้ำจืดและน้ำทะเล จุดเด่นของที่นี่คือสีน้ำจะเปลี่ยนไปเป็นสีเขียวมรกตหากน้ำทะเลหนุนสูง จากปกติสีน้ำจะเป็นสีใส เราสามารถเดินทางตามทางเพื่อถ่ายรูปเก็บบรรยากาศของที่นี่ได้ตลอดตั้งแต่ต้นทางจนสุดทางเดินแบบไม่มีเบื่อ

 

3. ชมทะเลหมอกที่ดินแดงดอย

จุดชมวิวดินแดงดอย เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยแห่งหนึ่งของกระบี่ ใครว่ามาทะเลใต้แล้วจะไม่สามารถดูทะเลหมอกได้ บอกเลยว่าไม่จริงพิสูจน์จากดินแดงดอยได้เลย รับรองว่าสวยสุด ๆ จุดชมวิวเดินขึ้นไปจากตีนเขาไม่ไกล ประมาณ 300 เมตร นอกจากนี้หากใครอยากมานอนค้างคืนเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศทะเลหมอกยามเช้าแบบฟิน ๆ ก็สามารถติดต่อบังกะโลหรือจะเลือกนอนกางเต็นท์ได้เช่นกัน

 

4. ถ่ายรูปกับสระมรกต สัญลักษณ์ของกระบี่

สถานที่ชื่อดังของกระบี่และเป็นจุดท่องเที่ยวที่เป็น Unseen ของไทยอีกด้วย สระมรกตกำเนิดจากธารน้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิ 30-50 องศาเซลเซียส มีสระน้ำร้อนสวย ๆ กลางป่า 3 สระด้วยกัน คือ สระแก้ว สระมรกต และสระน้ำผุด สีน้ำนั้นจะเปลี่ยนสีไปตามเวลาและแสงแดด เนื่องจากแบคทีเรียและสาหร่ายใต้น้ำในสระ นอกจากสระน้ำร้อนแล้ว ตลอดสองข้างทางยังมีสายน้ำไหลผ่านให้เราได้ลงเล่นน้ำได้อีกด้วย โดยสระมรกตจะมีความลึกประมาณ 1.5-2 เมตร เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างประมาณ 25 เมตร ยาว 20 เมตร แล้วเรายังสามารถเดินส่องหาสัตว์ป่าหายากได้ในบริเวณสระมรกตแห่งนี้ได้อีกด้วย เช่น นกแต้วแร้วทองดำ นกกระเต็นสร้อยคำสีน้ำตาล นกเงือกดำ เป็นต้น

จองทริปชมสระมรกต วัดถ้ำเสือ และน้ำตกร้อน เต็มวัน

 

5. ตะลุยทำบุญและเดินขึ้นบันได 1,237 ขั้นที่วัดถ้ำเสือ

สถานที่ที่เราสามารถไหว้พระทำบุญ การพิชิตบันได 1,237 ขั้น เพื่อชมวิวของเมืองกระบี่และอ่าวนาง ต้องไม่พลาดแวะที่ ‘วัดถ้ำเสือ’ วัดถ้ำเสือนั้นห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 5-6 กิโลเมตร ด้วยพื้นที่กว่า 200 ไร่ ในอดีตสันนิษฐานว่ามีเสืออาศัยบริเวณนี้เยอะ จึงเป็นที่มาของรูปปั้นเสือที่แทบจะมีทุกมุมในวัดนั่นเอง สภาพโดยทั่วไปของวัดถ้ำเสือนั้นจะมีลักษณะเป็นสวนป่า และมีโพรงถ้ำมากมาย เช่น ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำลอด ถ้ำช้างแก้ว ถ้ำลูกธนู ถ้ำพระ เป็นต้น นอกจากเดินสายทำบุญแล้ว เรายังสามารถถ่ายรูป ชมวิวเมืองกระบี่และอ่าวนางจากมุมสูงด้วยวิวแบบ 360 องศาได้อีกด้วย

จองทริปชมสระมรกต วัดถ้ำเสือ และน้ำตกร้อน เต็มวัน

 

6. พักผ่อนบนเกาะลันตา

 

เกาะลันตา เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงของกระบี่ และมีขนาดใหญ่จนเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดกระบี่อีกด้วย โดยประกอบไปด้วย 2 เกาะขนาดใหญ่ คือ เกาะลันตาใหญ่และเกาะลันตาน้อย เกาะลันตาใหญ่เป็นศูนย์กลางการพัฒนา รวมทั้งเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการต่าง ๆ และมีชายหาดให้ได้เล่นน้ำทะเล นอนชิล ๆ ริมหาดมากมาย เช่น หาดคลองดาว หาดคลองแอะ แหลมโตนด เป็นต้น นอกจากนี้เรายังสามารถดำน้ำทั้งตื้นและลึกได้อีกด้วย จุดเด่นที่หากเราไปช่วงเดือน 6 และเดือน 11 บนเกาะลันตาจะมีพิธีของชาวเลที่ปัจจุบันค่อนข้างหาชมยาก ซึ่งหาชมได้แค่บางพื้นที่อย่างเกาะลันตา จ.กระบี่ เกาะสิเหร่ จ.ภูเก็ต และเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล พิธีชาวเลนี้เราเรียกว่า ‘พิธีลอยเรือ’ เป็นพิธีกรรมที่สืบทอดกันมาช้านานจากบรรพบุรุษดั้งเดิมของชาวอูรักลาโว้ยที่อาศัยอยู่ในกระบี่และใกล้เคียง พิธีกรรมนี้เป็นการสะเดาะเคราะห์และส่งดวงวิญญาณของบรรพบุรุษตนกลับถิ่นฐานเดิมที่เรียกว่า ‘ฆูนุงฌึไร’ ที่เชื่อกันว่าอยู่ประเทศมาเลเซีย ในพิธีกรรมนี้นั่นชาวบ้านจะมีการร้องรำทำเพลงรองเง็ง เพื่อเป็นการบูชาบรรพบุรุษและเป็นการอวยพร ความโชคดีต่าง ๆ แก่ตนอีกด้วย

เนื่องจากเกาะลันตาเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่แยกออกมาจากตัวจังหวัดกระบี่ ดังนั้นหากเราต้องการแวะไปเที่ยวเกาะลันตาต่อ การเดินทางไปเกาะลันตาสามารถไปได้หลากหลายวิธีดังนี้

- แพขนานยนต์: แพข้ามฝาก เหมาะสำหรับคนที่ขับรถมาเอง
- เรือเฟอร์รี่
- รถตู้
- เรือสปีดโบ๊ท

 

7. ดำน้ำตื้นสำรวจหมู่เกาะพีพี ชื่อกระฉ่อนโลก

เกาะพีพีเป็นที่รู้จักสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกจากความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้น้ำ แต่ในมุมของชาวต่างชาติแล้วยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกาะพีพีของประเทศไทยโด่งดังและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง นั่นก็มาจากหนังเรื่อง The Beach ที่ออกฉายในปี 2000 ที่นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดังอย่างลีโอนาโด  ดิคาปริโอ หนังเรื่องนี้ได้มาถ่ายทำบริเวณอ่าวมาหยา ซึ่งเป็นจุดที่ต้องไปสำหรับทุกคนหากได้มาเยือนเกาะพีพี ไม่ไกลจากอ่าวมาหยาสักเท่าไหร่ เราก็จะได้พบกับอ่าวปิเละลากูนที่ได้รับฉายาว่าเป็นถึงเกาะสวรรค์กันเลยทีเดียว หากเรานั่งเรือเข้าไปนั้นเราจะเห็นแสงอาทิตย์ที่ส่องกระทบกับสีน้ำทะเลสีเขียวมรกต

เกาะพีพีนั้นสามารถนอนค้างคืนได้ด้วย! โดยเกาะที่เราจะสามารถขึ้นไปค้างคืนได้คือเกาะพีพีดอน เกาะพีพีดอนเต็มไปด้วยโรงแรม ร้านค้าเต็มไปหมด ที่พักมีตั้งแต่โฮสเทลไปจนถึงโรงแรมระดับ 5 ดาว กิจกรรมและจุดห้ามพลาดอย่างเด็ดขาดของหมู่เกาะพีพีื เช่น ว่ายน้ำดูความสวยงามของปิเล๊ะลากูน นอนเล่นชิล ๆ ที่หาดพีพีดอน เดินเล่นบนเกาะไผ่ และแวะดูถ้ำไวกิ้งที่เคยเป็นรังนกนางแอ่น แหล่งทำอาชีพหลักของชาวเรือในอดีต ส่วนมากนักท่องเที่ยวมักจะซื้อแพคเกจทัวร์สำหรับไปเกาะพีพี เนื่องจากราคาจะถูกและคุ้มค่ามากกว่าเช่าเรือไปกันเอง เพราะแพคเกจทัวร์นั้นจะมีไกด์และทีมเรือที่มากประสบการณ์และมีความเป็นมืออาชีพที่จะคอยดูแลและให้ความรู้ตลอดทั้งทริปตั้งแต่รับจากที่พักถึงกลับสู่ที่พัก นอกจากนี้เราเองก็จะไม่พลาดจุดต่าง ๆ ที่ต้องไปเยือนของหมู่เกาะพีพี อย่าง อ่าวมาหยาชื่อดังก้องโลก ปิเล๊ะลากูน เกาะพีพีดอน เกาะไผ่ ทุกสถานที่ล้วนแต่ยังคงความสวยงามของธรรมชาติของทะเลอันดามันไว้อย่างสมบูรณ์

หากสนใจเที่ยวเกาะพีพี สามารถคลิ๊กลิ้งค์เพื่อเช็ครายละเอียดและจองบัตรทัวร์เกาะพีพี แบบเช้าเย็นกลับจากกระบี่

 

8. ล่องเรือยอร์ชไปอ่าวไร่เลย์ เกาะปอดะ เกาะไก่ และทะเลแหวกสุด Unseen

สิ่งที่พลาดไม่ได้สำหรับใครมาเยือนกระบี่คือการไปเกาะเด็ดของกระบี่ทั้ง 4 เกาะ ได้แก่ เกาะปอดะ หาดไร่เลย์ เกาะไก่ และเกาะทับ เกาะหม้อ ซึ่งเกาะทับและเกาะหม้อนั้นเป็นจุด Unseen ขึ้นชื่อของกระบี่ที่หลายคนจะมาเยือน อ่าวไร่เลย์เป็นหาดทรายขาวละเอียดที่คนมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นเกาะ แต่ความเป็นจริงแล้วอ่าวไร่เลย์อยู่ในแผ่นดินใหญ่แต่โดนภูเขาโอบล้อมทุกด้าน จึงทำให้การไปอ่าวไร่เลย์จำเป็นต้องนั่งเรือไป อ่าวไร่เลย์แบ่งออกเป็น 2 ด้านหลัก ๆ คือ หาดไร่เลย์ตะวันออก (หาดน้ำเมา) และหาดไร่เลย์ตะวันตก โดยมีโขดหินคั่นระหว่างหาดทั้งสอง นอกจากน้ำจะสวย สีจะใสแล้ว อ่าวไร่เลย์ยังขึ้นชื่อว่าเป็นจุดพระอาทิตย์ตกที่สวยแห่งหนึ่งของกระบี่อีกด้วย นอกจากนี้อ่าวไร่เลย์ยังเป็นที่นิยมสำหรับสายชอบผจญภัยที่มักจะมาปีนผาหินปูน หาดไร่เลย์เรียกว่าเป็นที่นิยมในการปีนผาสำหรับนักปีนผาทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น เนื่องจากหากเราปีนขึ้นไปบริเวณถ้ำแล้วมองลงมานั้นก็จะเห็นวิวมุมสูงของหาดไร่เลย์นั่นเอง ต่อให้ไม่เคยมีประสบการณ์ในการปีนผามาก่อน ก็สามารถปีนได้เช่นกันเพราะจะมีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด จากอ่าวไร่เลย์ไปไม่ไกลมากก็จะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตที่คนมักจะแวะเวียนไปถ่ายรูป นั่นคือ เกาะปอดะ ที่มีชายหาดล้อมรอบทั้งสามด้าน ยกเว้นทางด้านตะวันตกที่เป็นด้านที่รับคลื่น เกาะปอดะจะเหมะสำหรับการเล่นน้ำทะเลและชิล ๆ บนหาดมากกว่าการดำน้ำดูปะการัง ส่วนเกาะไก่จะเป็นจุดที่เราสามารถดำน้ำตื้นและถ่ายรูปกับมุมยอดฮิตที่ตรงชะง่อนผาจนเป็นที่มาของเกาะไก่ เพราะมีรูปร่างคล้ายส่วนหัวไก่ เกาะไก่เป็น 1 ใน 3 เกาะที่ก่อให้เกิดเป็นทะเลแหวก มุมถ่ายรูปสุด Unseen ของกระบี่ ทะเลแหวกของกระบี่นั้นเกิดจากกองสันทราย 3 แนวที่เกิดจากเกาะไก่ เกาะทับ และเกาะหม้อ โดยที่เรานั้นสามารถเดินจากเกาะไก่ข้ามไปยังเกาะทับได้เวลาน้ำลดอีกด้วย

ถ้าคุณสนใจสามารถกดลิ้งค์เพื่อดูรายละเอียดและจองโปรแกรมเรือยอร์ชเที่ยวเกาะ 4 เกาะ สุด Unseen

 

9. จุดถ่ายรูปหินย้อยระย้ากับถ้ำพระนาง

จุดถ่ายรูปสุดฮิตที่อยู่ไม่ไกลจากหาดไร่เลย์ คือ ถ้ำพระนาง จุดเด่นคือหากเดินเข้าไปจนสุด แล้วมองออกมาจะเห็นเป็นอ่าวไร่เลย์จากมุมสูง แถมยังสามารถเดินบนชายหาดที่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูน หาดไร่เลย์และหาดพระนางนั้นเหมาะสำหรับการทำกิจกรรมชายบาด เช่น เล่นน้ำทะเล อาบแดด ดูพระอาทิตย์ตก อาจจะไม่เหมาะสำหรับการดำน้ำดูปะการังสักเท่าไหร่ แต่บอกเลยว่าความสวยงามของทัศนียภาพนี่ไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

 

10. เดินป่าพิชิตเขาหงอนนาค

เขาหงอนนาค เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่อยู่ในการดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะเกาะพีพี ระยะทางการเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติของเขาหงอนนาคนั้นมีระยะทางประมาณ 3.7 กิโลเมตร โดยจะมีจุดพักให้แวะถ่ายรูปตลอดเส้นทาง เช่น จุดชมวิวจุดแรกที่มีความสูงประมาณ 333 เมตรจากระดับน้ำทะเลโดยที่เราจะสามารถมองเห็นเกาะห้อง เกาะเหลากา เกาะนก เกาะยาวใหญ่และเกาะภูเก็ต โดยเขาหงอนนาคนั้นจะมีจุดให้ความรู้เรื่องธรรมชาติทั้งหมด 13 ฐาน เช่น ฐานหม้อข้าวหม้อแกงลิง ที่มีกอต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงอยู่เป็นจำนวนมาก เรียกว่าหากเราไปถึงจุดชมวิวสุดท้ายที่อยู่บนสุดของเขาหงอนนาคนี้ เราจะมองเห็นวิวกระบี่มุมสูง จุดถ่ายรูปยอดนิยม คือ ปลายหินที่ยื่นออกไปนั่นเอง

 

11. สำรวจลากูนธรรมชาติด้วยการพายคายัคที่อ่าวท่าเลน

มาพายคายัคกันต่อแบบยาว ๆ ที่อ่าวท่าเลน ด้วยเส้นทางการพายคายัคที่มีกัน 2 เส้นทาง ระยะทาง 4 และ 7 กิโลเมตร เรียกว่าพายไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบแบบไม่กลัวเมื่อย ตลอดข้างทางเราจะเห็นธรรมชาติอันสวยงามของอ่าวท่าเลน ที่เป็นทางป่าชายเลนและลากูนธรรมชาติ ลากูนนั้นเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่มีลักษณะเป็นเขาหินปูนล้อมรอบ มีทางเข้าและทางออกเพียงทางเดียว สามารถพายคายัคไปสำรวจ ‘แคนยอน’ ที่เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนขนาบสองด้านและมีแม่น้ำไหลผ่านกลาง โดยเราสามารถเดินทางจากอ่าวนางไปท่าเรือท่าเลนประมาณ 40 นาที หากใครอยากสนุกกับกิจกรรมพายคายัคแบบเต็มอิ่มแบบนี้ แนะนำให้ซื้อเป็นแพคเกจทัวร์จะดีและสะดวกที่สุด เนื่องจากมีบริการรถรับส่ง ค่าเช่าเรือคายัคและไกด์ที่มีประสบการณ์ที่จะคอยดูแลเราตลอดทริปอีกด้วย

จองทริปผจญภัยพายคายัคสำรวจอ่าวท่าเลน

 

12. ชมพระอาทิตย์ตกที่หนองทะเล

หนองทะเล สถานที่สำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามไม่กี่จุดของกระบี่ โดยหนองทะเลหรืออีกชื่อหนึ่งคือ บึงหนองทะเล ที่เป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ที่มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่ เป็นบึงน้ำที่มีภูเขาหินปูน โดยพระอาทิตย์จะขึ้นด้านหลังแนวเทือกเขา เมื่อแสงอาทิตย์พ้นแนวภูเขาก็จะเห็นเป็นแสงสีส้มค่อย ๆ สว่างแวบขึ้นพ้นสันเขา หนองทะเลเหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบในการถ่ายรูปธรรมชาติรวมทั้งวิถีชีวิตของชาวบ้าน ยิ่งหากใครมาเที่ยวช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคมของทุกปี ก็จะมีโอกาสเจอดอกจิกสีแดงที่บานสะพรั่ง ถ่ายรูปสวยไปอีกแบบ ใครมาเที่ยวก็อย่าลืมเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นที่เมืองกระบี่ ก็ไม่ควรพลาดหนองทะเลเลย

 

เป็นยังไงกันบ้าง ทั้ง 12 สถานที่ท่องเที่ยวของกระบี่ ทั้งทะเล ภูเขา แม่น้ำ เรียกว่ามีกันแบบครบ จบจังหวัดเดียวใช่มั้ย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกระบี่จึงเป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวแวะมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย เพราะนอกจากทะเล เกาะต่างๆจะงดงามแล้วนั้น กระบี่ยังมีทรัพยากรทางธรรมชาติอื่นๆที่มีความสมบูรณ์และงดงามอีกด้วย เรียกว่ามาเที่ยวกระบี่ที่เที่ยว เที่ยวชนิดแบบที่ครบ จบจังหวัดเดียว

กลับสู่ด้านบน ↑

อัพเดทล่าสุด มิ.ย. 2564

ตั๋วที่น่าสนใจ