เกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะเล็ก ๆ กลางทะเล มีพื้นที่ประมาณ 3 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะอาดังจังหวัดสตูล (ห่างจากแผ่นดินจังหวัดสตูลประมาณ 85 กิโลเมตร) คำว่า ‘หลีเป๊ะ’ เป็นคำที่เพี้ยนมาจากภาษามลายู ‘นิปิส’ ที่แปลว่า ‘บาง’ เนื่องจากลักษณะของเกาะหลีเป๊ะนั้นจะแบนเรียบเหมือนแผ่นกระดาษ ไม่มีภูเขาสูงเลย ตัวเกาะมีรูปร่างคล้ายกับบูมเมอแรง สามารถเดินจากหน้าเกาะไปยังหลังเกาะได้ เดินเที่ยวรอบเกาะได้แบบสบายๆโดยไม่ต้องเช่ารถเลย หากใครอยากใช้บริการรถบริการรับส่งไปที่ต่างๆในเกาะหลีเป๊ะ ก็จะมีบริการรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างในราคา 50 บาทไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็ราคาเดียว เกาะหลีเป๊ะจึงมี 3 หาดหลักๆ นั่นคือ หาดบันดาหยา (หาดพัทยา) หาดซันเซ็ทและหาดซันไรซ์ โดยหาดบันดาหยานั้นจะเป็นท่าเทียบเรือเวลาที่เราเดินทางมาจากท่าเรือปากบารา (ตัวแผ่นดิน จ.สตูล) จุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะคือมีหาดทรายสีขาวสะอาดตา น้ำทะเลสีใส
เกาะหลีเป๊ะเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวเลชาติพันธุ์อูรักลาโว้ยที่อพยพมาตั้งรกรากจากเกาะๆอื่น รวมทั้งมาเลเซีย เรียกว่ามีประวัติการตั้งถิ่นฐานที่เกาะหลีเป๊ะแห่งนี้กว่า 200 ปี ดังนั้นบนเกาะเราจะเห็นวิถีชีวิตชาวบ้านอูรักลาโว้ยที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านเลี้ยงชีพ เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ จะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี หลังจากนั้นจะเป็นช่วงมรสุมฝนตกนั่นเอง นอกจากนี้ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาจะประกาศงดดำน้ำในช่วง 16 พฤษภาคมถึง 15 ตุลาคมของทุกปี ดังนั้นอย่าลืมวางแผนกันดีๆนะ
การเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะ
✈️ เดินทางด้วยเครื่องบิน
ออกจากกรุงเทพฯ วิธีที่รวดเร็วและสะดวกที่สุด ก็คงเป็นการเดินทางโดยเครื่องบิน โดยสามารถเดินทางออกจากสนามสุวรรณภูมิฯหรือสนามบินดอนเมืองก็ได้ แต่เราจำเป็นต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินหาดใหญ่ เนื่องจากจังหวัดสตูลไม่มีสนามบินนั่นเอง ระยะเวลาเดินทางอยู่ที่ประมาณ 1.25 ชั่วโมง เมื่อเดินทางถึงสนามบินหาดใหญ่แล้ว เราก็สามารถนั่งรถโดยสารต่อไปยังตัวเมืองสตูลเพื่อนั่งเรือที่ท่าเรือปากบาราต่อไปยังเกาะหลีเป๊ะ โดยการเดินทางจากสนามบินไปท่าเรือ (ระยะทางประมาณ 97 กิโลเมตร) เราสามารถซื้อตั๋วที่รวมทั้งรถโดยสารไปท่าเรือและค่าเรือสปีดโบ๊ทไปเกาะหลีเป๊ะได้เลยทีเดียวจบ โดยสามารถเลือกได้ 2 รอบเวลาที่ออกจากสนามบิน นั่นคือ รอบ 9.30 น. และรอบ 11.30 น. จะใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดประมาณ 3.30 ชั่วโมง ก็ถึงเกาะหลีเป๊ะ! ดังนั้นแนะนำให้เลือกไฟลท์บินที่ถึงหาดใหญ่ตอน 09.00 น. เพื่อจะนั่งเรือรอบ 11.30 น.ต่อไปยังเกาะหลีเป๊ะ อย่างไรก็ตามทางเรือได้งดให้บริการชั่วคราวเนื่องจากโควิด เอาล่ะ เรามาดูกันว่าเราสามารถนั่งสายการบินไหนไปหาดใหญ่ได้บ้าง
ท่าอากาศยานดอนเมือง
สายการบินที่ให้บริการ ได้แก่
- ไทยไลอ้อนแอร์
- ไทยแอร์เอเชีย
- นกแอร์
- ไทยเวียตเจ็ทแอร์
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
สายการบินที่ให้บริการ ได้แก่
🚌 เดินทางโดยรถบัส
ออกจากกรุงเทพฯ - สำหรับใครที่มีเวลาก็สามารถนั่งรถทัวร์จากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (ถนนบรมราชินี) โดยใช้เวลาเดินทางรวมประมาณ 15 ชั่วโมง และนั่งรถต่อไปยังท่าเรือปากบาราเพื่อนั่งเรือไปยังเกาะหลีเป๊ะ จะมีบริษัทรถปรับอากาศหลายบริษัทเปิดให้บริการ ดังต่อไปนี้ บริษัท ขนส่ง 999 จำกัด เบอร์ติดต่อ 1490 บริษัท ศรีสุเทพทัวร์ จำกัด เบอร์ติดต่อ 02-894-6167,02-894-6166
🚆 เดินทางด้วยรถไฟ
ออกจากกรุงเทพฯ - การเดินทางด้วยรถไฟนั้นจะคล้ายกับการเดินทางด้วยเครื่องบิน นั่นคือ เราต้องซื้อตั๋วรถไฟไปลงที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ เนื่องจากสตูลไม่มีสถานีรถไฟ โดยสามารถนั่งขบวนกรุงเทพ-ยะลา หรือ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมง หลังจากถึงสถานีหาดใหญ่แล้วก็สามารถนั่งรถโดยสารต่อเข้าตัวเมืองสตูลไปนั่งเรือต่อไปยังเกาะหลีเป๊ะอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ดังนั้นการเลือกใช้บริการรถไฟจึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดเวลาหรือมีข้อจำกัดในการเที่ยว สามารถเช็ควันให้บริการได้ที่ www.railway.co.th
🛳 เดินทางโดยเรือ
ออกจากท่าเรือปากบารา จ.สตูล
การเดินทางด้วยการนั่งเรือสปีดโบ๊ทจากท่าเรือปากบาราไปเกาะหลีเป๊ะ เป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่จะใช้กัน เนื่องจากมีเพียงท่าเรือนี้ท่าเรือเดียวเท่านั้นที่ให้บริการ ระยะทางในการเดินทางจะอยู่ที่ประมาณ 1.30-2ชั่วโมง ข้อดีของการเดินทางด้วยเรือที่ออกจากท่าเรือปากบารานั้น จะมีการแวะให้นักท่องเที่ยวได้แวะถ่ายรูปและเดิมเที่ยวเกาะตะรุเตาและเกาะไข่ จุดถ่ายรูปสุดฮิตก่อนที่จะไปเกาะหลีเป๊ะอีกด้วย โดยปกติเรือจะเปิดให้บริการจากท่าเรือปากบาราไปเกาะหลีเป๊ะวันละ 4 รอบ นั่นคือ ช่วง 09:30, 11:.30, 13:30 และ 15:30 น. แต่เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด ทำให้เรืองดให้บริการในบางรอบเวลา
ออกจากภูเก็ต (ท่าเรือรัษฎา)
สำหรับคนที่เที่ยวในภูเก็ตจนเต็มที่แล้วและกำลังมองหาเกาะอื่นที่จะไปเที่ยวต่อ การไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะก็ไม่ควรพลาดจากลิสต์เลย การเดินทางจากภูเก็ตไปเกาะหลีเป๊ะไม่ยากอย่างที่คิด เราสามารถซื้อตั๋วเรือตรงไปยังเกาะหลีเป๊ะได้แบบสะดวกสุดๆ เรือจะให้บริการเพียง 1 รอบต่อวัน เป็นช่วง 08:30 น. จะออกจากท่าเรือรัษฎา จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามตอนนี้เรือยังงดให้บริการ เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด
ออกจากเกาะพีพีดอน
การเดินทางจากเกาะพีพีดอนไปเกาะหลีเป๊ะจะใช้เวลา 4 ชั่วโมงโดยประมาณ เรือจะเปิดให้บริการ 1 รอบต่อวันเช่นกัน คือ ช่วง 09:30 น. สะดวกสบายมากๆเลย หากเป็นช่วงสถานการณ์โควิด เรือยังคงงดให้บริการ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเช็ครายละเอียดก่อนเดินทาง
ออกจากเกาะลันตา
การนั่งเรือจากเกาะลันตาไปเกาะหลีเป๊ะ จะมีเรือให้บริการ 2 รอบต่อวัน นั่นคือ 09:00 น. และ 10:30 น.
รอบ 09:00 น. จะเป็นการโดยสารด้วยรถตู้จากเกาะลันตาไปท่าเรือปากบาราและต่อเรือสปีดโบ๊ทไปยังเกาะหลีเป๊ะ จะใช้เวลาเดินทางรวมกัน 6 ชั่วโมง ส่วนรอบ 10;30 น. จะเป็นการนั่งเรือตรงไปยังเกาะหลีเป๊ะเลย จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
ออกจากท่าเรือคลองจิหลาด(เมืองกระบี่)
จะมีเรือให้บริการ 1 รอบต่อวัน นั่นคือ ช่วงเวลา 09:00 น. โดยจะใช้เวลาเดินทาง 4.30 ชั่วโมง เรือจะออกจากท่าเรือคลองจิหลาด แต่ในขณะนี้เรือประกาศงดให้บริการเนื่องจากผลกระทบจากโควิด 19
จุดเช็คอินและกิจกรรมห้ามพลาด
1. ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดซันไรซ์ (หาด Sunrise)
เป็นหาดที่มีชื่อเดิมว่า ‘หาดประมง’ เป็นชายหาดที่เป็นที่นิยมสำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า เดินทอดน่องชิลๆ ถ่ายรูปกับหาดทรายสีขาวละเอียดสบายตา ตัดกับสีน้ำทะเลสีฟ้า เป็นจุดที่หากใครมาเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ ไม่ว่าจะพักฝั่งหาดซันเซ็ทหรือหาดบันดาหยา (หาดพัทยา) มักจะแวะเวียนมาเสมอๆ
2. ชมพระอาทิตย์ตก ณ หาดซันเซ็ท (หาด Sunset)
มีหาดสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าแล้ว ก็ต้องมีหาดสำหรับชมพระอาทิตย์ตกด้วย นั่นคือ หาดซันเซ็ทนั่นเอง เป็นหาดเงียบๆ หากเทียบกับหาดซันไรซ์หรือหาดบันดาหยาที่จะมีความพลุกพล่านมากกว่า 1 ในไฮไลต์ห้ามพลาด นั่นคือ การนั่งจิบเครื่องดื่ม รับประทานอาหารชิลๆพร้อมชมวิวพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าที่บาร์ที่มีเอกลักษณ์สุดๆ อย่าง บาร์ Zodiac See Sun Beach นั่นเอง รับรองว่าถ่ายรูปได้ทุกมุม รูปออกมานี่สุดชิคแน่นอน
3. เดินชมบรรยากาศตลาดนัดถนนคนเดิน
เมื่อชมพระอาทิตย์ตกที่หาดซันเซ็ทเสร็จแล้วก็เดินต่อมาอีกนิดก็จะถึงตลาดนัดคนเดินของเกาะหลีเป๊ะที่จะมีร้านอาหารทะเลสดๆมากมายให้เราได้เลือกกัน เดินจนสุดตลาดก็จะเป็นแหล่งของบาร์ สามารถนั่งชิลๆดื่มด่ำกับบรรยากาศของเกาะหลีเป๊ะในยามค่ำคืน รับรองว่าได้ประสบการณ์โรแมนติกไม่รู้ลืมแน่นอน
4. เกาะไข่
เป็นเกาะที่เป็นมีซุ้มประตูหินโค้งเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่คนมักจะแวะมาถ่ายรูปกัน โดยเฉพาะคู่รัก ว่ากันว่าหากคู่รักคู่ไหนจับมือกันเดินลอดซุ้มประตูนี้จะครองรักกันตลอดไป ดั่งชื่อ ‘ซุ้มรักนิรันดร์’ นั่นเอง นอกจากนี้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงที่เต่าจะขึ้นมาวางไข่บนเกาะไข่ สีทรายนวลเหมือนสีของเปลือกไข่ตัดสลับกับสีฟ้าครามของน้ำทะเล สวยแบบสุดๆเลยล่ะ
5. เกาะหินงาม
เกาะเล็กๆที่มีความพิเศษตรงที่หาดนั้นจะเป็นหินมนสีดำทั้งหาด เป็นหาดที่มีหินสีดำแห่งเดียวในอาเซียน เป็นอีก 1 จุดที่นักท่องเที่ยวมักจะไปถ่ายรูปที่เกาะแห่งนี้ โดยเมื่อเราจะถ่ายรูปที่เกาะหินงามนั้น เคล็ดลับความสวยของรูปคือให้เอาน้ำสาดไปบนหินบนหาด เพราะเมื่อหินเปียก จะส่องแสงประกายวิบวับล้อแสงพระอาทิตย์นั่นเอง
6. ดำน้ำตื้นรอบเกาะ
กิจกรรมห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ นั่นคือ การดำน้ำตื้นชมปะการังและปลามากมายหลายชนิดนั่นเอง ส่วนมากคนจะนิยมไปดำน้ำตื้นเกาะรอบๆเกาะหลีเป๊ะ เช่น เกาะอาดัง เกาะยาว เกาะหินซ้อน เกาะดง เป็นต้น ส่วนมากบริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยปะการังมากมายอย่างปะการังเขากวาง ปะการังเห็ดหูหนู ปะการังสมอง ปะการังอ่อนสีฟ้า ปะการังดอกผักกาดและอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้เรือนำเที่ยวจะพาเราไปถ่ายรูปสวยๆที่เกาะราวีอีกด้วย เรียกว่าทุกเกาะสามารถไปเที่ยวได้ในวันเดียว
7. ดำน้ำลึกดูปะการัง 7 สีที่ร่องน้ำจาบัง
สำหรับคนที่ชื่นชอบการดำน้ำลึกมักจะรู้กันว่า ‘ร่องน้ำจาบัง’ มีชื่อเสียงในการดำน้ำลึกอย่างมาก ร่องน้ำจาบังอยู่ใกล้กับเกาะอาดัง ตั้งอยู่ระหว่างเกาะราวีและเกาะหลีเป๊ะ ระดับความลึกจะอยู่ที่ประมาณ 15-20 ฟุต ข้างใต้น้ำของร่องน้ำลึกแห่งนี้เป็นแท่งหินทั้งหมด 5 ยอด โดยที่ 4 ยอดจะปกคลุมเต็มไปด้วยทุ่งปะการังอ่อน 7 สีที่เหมือนทุ่งลาเวนเดอร์เลยทีเดียว อีกหนึ่งแท่งหินจะปกคลุมไปด้วยดาวขนนกทั้งสีดำ สีแดง, ดอกไม้ทะเล,ปะการังถ้วยส้ม และเหล่าปลาต่างๆที่ออกมาอาหารตามดอกไม้ทะเลเหล่านี้อีกด้วย ร่องน้ำจาบังแห่งนี้ต้องอาศัยประสบการณ์และความระมัดระวัง เนื่องจากกระแสน้ำที่นี่ค่อนข้างเชี่ยว ดังนั้นเวลาดำน้ำจำเป็นต้องระวังตัวและมีสติอยู่เสมอ
อัพเดทล่าสุด เม.ย. 2565